จิน BTS
31 Jan, 2023

เเฟนทั้งโลกฮือฮา ซุปตาร์ชายหนุ่มคนนี้จัดแจงตั้งบริษัทไวน์เป็นของตนเอง

เป็นหนึ่งใน สมาชิก ของ BTS สำหรับพี่ใหญ่อย่าง จิน BTS โดยเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2022 เขาได้ เข้ากรมรับใช้ชาติ อย่างไรก็ตามจิน ได้รับความสนใจ จาก สื่อหลัง จากมี กล่าวว่าเขา ได้ก่อตั้งโรงกลั่นไวน์ของตัวเอง และก็ทำไวน์ของตนเอง

ก่อนหน้าที่ผ่านมา จิน ได้เจอกับ เชฟแบคจงวอน ในรายการ The Drunken Truth ทางช่อง BANGTANTV แล้วก็ได้เจอกับ พัครกดัม ผู้ชำนาญด้านการ หมักเบียร์ เขาได้สัมผัส กับ วงการนี้ และชื่นชอบไวน์ประเทศเกาหลี หรือ มีเรียกว่า มักกอลลี

คิมซอกจิน

สื่อประเทศเกาหลีกล่าวว่า จินตั้งบริษัท

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของตัวเอง และกำลังอยู่ในขั้นตอนการกลั่นไวน์ บริษัทนี้จะลงทะเบียนในชื่อของเขา สำหรับเอกสารตามกฎหมายจะถูกดำเนินการตามขั้นตอนในระหว่างที่เขาอยู่ในกองทัพ แล้วก็เมื่อเขาเสร็จสิ้นภารกิจจากกองทัพ
ในเวลานั้นไวน์ของเขาก็บางครั้งก็อาจจะพร้อมดื่มแล้ว

พี่จิน BTS

Jin วง BTS เสร็จสิ้นการฝึกทหารเบื้องต้นแล้ว พร้อมเปิดเผยว่าเขากำลังสนุกกับการฝึกหัด

Jin พี่ใหญ่แห่งวง BTS เข้ากรมทหารรับใช้ชาติเป็นคนแรกของวงไปตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมปีที่แล้ว

รวมทั้งปัจจุบันเขาก็ได้โพสต์อัปเดตชีวิตในกรมของตัวเองให้เหล่า ARMY ได้คลายความคิดถึง

Jin โพสต์ภาพพร้อมข้อความถึงแฟนคลับผ่าน Weverse หลังจากที่ใช้เวลา 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาฝึกฝนการทหารเบื้องต้นเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเขาได้แชร์ทั้งยังภาพเซลฟีสดใสแล้วก็ภาพที่ตัวเองยืนตัวตรงอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ รวมทั้งแน่นอนว่าไม่ลืมเลือนที่จะสวมหน้ากากอนามัย โดยเขาเขียนใจความว่า

“ผมกำลังสนุกเลยครับ ผมโพสต์ภาพนี้หลังได้รับการอนุญาตจากกรมทหารแล้ว มีความสุขอยู่ตลอดและใช้ชีวิตกันดี ๆ นะ ARMY”

หลังจากที่ Jin โพสต์ภาพแล้วก็ข้อความ ดังกล่าวแล้ว ชาว ARMY ทั่วโลกต่าง ก็ออกมาแสดงข้อคิดเห็น พร้อมกับส่งความรัก แล้วก็กำลังใจ ให้กับ Jin ในโลกโซเชียลมีเดีย กัน อย่างล้นหลาม

โดยเฉพาะใน แพลตฟอร์ม Twitter ซึ่งก่อนหน้านี้ใจความสำคัญเรื่องการ เข้ากรมของ 7 หนุ่มวง BTS ก็เป็นที่คัดค้านกัน มาโดย ตลอด ว่า พวกเขาสามารถ ที่จะ รับใช้ชาติ ในรูปแบบอื่นที่ ไม่ใช่การเกณฑ์ทหารได้บ้าง หรือไม่ แล้วก็หลังจากที่ได้รับ การผ่อนผันมานับเป็นเวลาหลายปี ในที่สุด Jin ในวัย 30 ปี ก็ต้องเข้ากรมรับใช้ชาติ อย่างเป็นทางการ เป็นคนแรกของวง โดยเขาได้ ทำหน้าที่ เป็นผู้ช่วยครู ที่ กองทัพยอนชอน แห่งเมืองคยองกี ประเทศเกาหลีใต้

JIN Worldwide handsome

จิน พี่ใหญ่แห่ง BTS พี่ใหญ่ผู้ครอบครองฉายา Worldwide handsome

ที่มากด้วยความสามารถรวมทั้งเสน่ห์เหลือเฟือ

  • จิน พี่ใหญ่แห่ง BTS คิม ซอกจิน (เกาหลี: 김석진; เกิด 4 ธ.ค. ค.ศ. 1992)
  • มีชื่อในวงการว่า จิน (JIN) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลงชาวเกาหลีใต้
  • เขาเป็นสมาชิกที่มีอายุมากที่สุดของบอยแบนด์ประเทศเกาหลีใต้ BTS เขาเข้าร่วมกลุ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2013
  • จินได้ร่วมเขียนเพลงรวมทั้งปล่อยผลงานเพลงเดี่ยวในนามวง BTS ได้แก่ เพลง” Awake ” (2016), ” Epiphany ” (2018) แล้วก็ ” Moon ” (2020) นอกจากนี้
  • เขายังเป็นผู้ออกแบบตัวละคร RJ ตัวละครในกลุ่ม BT21 ของ Line Friends
  • เขาอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนที่จะย้ายไปอยู่ในบันกีดง(Bangi – dong), ซงพากู (Songpa – gu) และก็ โซล (Seoul) เป็นลำดับ
  • ครอบครัวประกอบด้วยสมาชิก 4 คน คือ พ่อ แม่ พี่ชาย และจิน
  • ในสมัยมัธยมเขาเคย ถูกทาบทามให้เข้าร่วม กับ สังกัดเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ แต่เขาปฏิเสธเพราะรู้สึกว่าเป็นมิจฉาชีพ
  • จินมีความฝันที่จะเป็นนักแสดงทำให้เขาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยคอนกุก (Konkuk University) สาขาวิชาภาพยนตร์ ต่อมาหลังเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยก็เลยได้ถูกบิกฮิตเอนเตอร์เทนเมนต์ทาบทามเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิ
แบมแบม Got7
27 Jan, 2023

แบมแบม รับเคยอยากออกจากวงการหลังหมดสัญญาJYP

แบมแบม Got7 ได้มาเป็นแขกรับชวนในรายการทอล์คโชว์ ‘Radio Star’ ของช่อง MBC

ในขณะที่บอกคุยกัน พิธีกรได้กล่าวถึง แบมแบม

ที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างมาก
หลังจากที่เขาปรากฏตัวในรายการออกเดท ‘Transit Love 2′ ของ TVING ที่ออกอากาศเมื่อปีที่แล้ว

BamBamเข้าร่วมครั้งแรกในฐานะพิธีกรพิเศษ แต่แล้วหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นพิธีกรถาวรในรายการ ‘Transit Love 2′
หลังจากที่ความชำนาญการแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาแล้วก็ตลกของเขากลายเป็นที่พูดถึงบนอินเทอร์เน็ต

แบมแบม

BamBam กล่าวว่า

“ผมรู้สึกขอบคุณมากครับ ขอบคุณรายการ ‘Transit Love 2′ ตอนนี้ผมถูกเรียกตัวจากหลายที่ในเกาหลี ผมรู้สึกราวกับว่าผมเกิดใหม่ อีกครั้งหลังจากรายการ ‘Transit Love 2′ ครับ พูดตามตรงนะ ผมรู้สึกเหมือนผมหมดสิ้นกับวงการนี้แล้วหลังจากหมดสัญญากับค่าย JYP Entertainment ครับ ผมแค่เบื่อกับการพยายามอีกต่อไป คุณรู้ไหมครับ ผมค่อนข้างได้รับการยอมรับ นอกประเทศเกาหลีใต้แต่ดูเหมือนไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใครในประเทศเกาหลีครับ

ผมเฝ้าถามตัวเองว่า มีปัญหาอะไร ทำอย่างไรผมถึงจะได้รับการยอมรับที่นี่แม้ว่าผมจะพยายามอย่างหนักก็ตาม’ ผมรู้สึกผิดหวังมากเกี่ยวกับเรื่องนั้นครับ ผมคิดจริงๆ ว่าจะเลิกทุกอย่างในตอนนั้นครับ และนั่นคือตอนที่ค่ายหนึ่งติดต่อผม พวกเขาโทรหาผมประมาณ 5 ครั้งเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ผมเซ็นสัญญากับพวกเขาครับ แต่ผมปฏิเสธพวกเขาทุกครั้งครับ

ในระหว่างการสนทนาครั้งที่ 6 ของเรา พวกเขาพูดกับผมว่า ‘คุณเดบิวต์ในเกาหลี แต่คุณยังไม่เป็นที่รู้จักในเกาหลีมากนัก ไม่รู้สึกเศร้าเหรอ? .’ ราวกับว่าพวกเขาอ่านใจผมออกเพราะค่ายอื่นๆ พยายามใช้ผมเพื่อขยายตัวเองไปยังประเทศต่างๆนอกจากประเทศเกาหลี ดูเหมือนค่ายปัจจุบันของผมจะรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมเลยพูดว่า ‘โอเคครับ ผมจะลองดูซักครั้งครับ’

ผมบอกพวกเขาว่า ‘ถ้าผมพยายามมาสักปีหนึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ ผมก็จะลาออกจากวงการนี้ครับ’ แต่ต้องขอบคุณที่รายการ ‘Transit Love 2′ ทำได้ดีมาก และผมสามารถแสดงชื่อของตัวเองได้ ผมขอบคุณต้นสังกัดและรายการ ‘Transit Love 2′ ครับ สำหรับเรื่องนั้น”

แบมแบม วงGot7

ประวัติ “BamBam” ชายหนุ่มหล่อก็อตเซเวน ดีกรีเรียนเก่งเกรดระดับ 3.24

เรียกว่าเป็นชายหนุ่มไทยสุดคูลที่ไปสร้างชื่อที่ประเทศเกาหลีและก็ระดับโลกเลยทีเดียว
สำหรับ แบมแบม กันต์พิมุกต์ หรือ BamBam Got7 หนุ่มหน้าใสที่เด่นอีกทั้งการร้องรวมทั้งเต้น หนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ ก็อตเซเวน
ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องงานบันเทิงเพียงแต่อย่างเดียว แต่งเรื่องเรียนเขาก็ไม่ทิ้ง และที่สำคัญเขายังทำได้ดีมาก ๆ อีกด้วย

ประวัติBamBam
มีชื่อจริงว่า กันต์พิมุกต์ ภูวกุล
เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2540
รู้จักกันในชื่อBamBam ก็อตเซเวน
ภูมิลำเนาเป็นคนกรุงเทพมหานคร
ศึกษาที่โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา
จบการศึกษาระดับมัธยมจาก การศึกษานอกระบบ (กศน.)
IG : bambam1a

BamBamเกิดในครอบครัวที่มีพี่น้อง 4 คน

เขาเป็นลูกคนที่สาม มีพี่ชาย 2 คน แล้วก็ น้องสาว 1 คน สมัยที่เขายังเด็กนั้นเขาพอใจแล้วก็หลงรักวัฒนธรรม K-Pop เป็นอย่างมาก แล้วก็เต้นคัฟเวอร์ศิลปินเกาหลีมาตั้งแต่เป็นเด็ก
โดยเขาเคยเข้าแข่งขัน Rain Cover Dance In Thailand ในตอนที่เขาอายุได้ 10 ปี และก็คว้าตำแหน่งรางวัลอันดับ 2 มาแล้ว
โดยในเวลานั้นเขาเป็นสมาชิกทีม WE ZAA COOL ทีมี ลิซ่า BLACKPINK เป็นหนึ่งในทีมด้วย

แบมแบม กันต์พิมุกต์

หลังจากนั้น แบมแบม ก็ได้เข้ารับการเป็นเด็กฝึกซ้อม

ใน ค่ายเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ เป็นเวลาสามปีครึ่ง ก่อนที่ จะเปิดตัว เป็น 1 ในสมาชิก วงก็อตเซเวน ซึ่ง เป็นวงบอยแบนด์ ที่ ได้รับความชื่นชอบ อีกทั้ง ใน ประเทศเกาหลี รวมทั้งระดับโลก ด้วยเหตุว่า BamBam เป็นศิลปิน ที่ ทำงาน ในประเทศเกาหลี แต่เขาก็ไม่ทิ้งเรื่องการเรียน โดยเขาศึกษาการศึกษานอกระบบ (การศึกษานอกโรงเรียน) รวมทั้งจบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.24 ส่วนตัวBamBam บอกได้ถึง 3 ภาษา คือภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แล้วก็ภาษาเกาหลี และก็มีผลงานทั้งประเทศไทย แล้วก็ ประเทศเกาหลี

BI
25 Jan, 2023

B.I (บีไอ) พร้อมกลับมามอบความสนุก เปิดฉากทวีปเอเชียทัวร์ใน “ไทย” เป็นที่แรก ปักหมุดเจอกัน 4 มี.ค. นี้!

ชายหนุ่มหล่อเก่ง ดีกรีโปรดิวเซอร์แห่งวงการ K-POP อย่าง บีไอ (B.I) หรือ คิมฮันบิน จัดเตรียมบินลัดฟ้ากลับมามอบความสนุกให้กับเหล่าไอดีไทยอีกที! พร้อมเปิดฉากจัดทวีปเอเชียทัวร์ใน “ไทย” เป็นที่แรก ในงาน B.I 2023 ASIA TOUR “L.O.L THE HIDDEN STAGE” คอนเฟิร์มมาแน่ 4 มีนาคมนี้

บีไอ

โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม ทาง บีไอ (B.I) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ

พร้อมปล่อยภาพโปสเตอร์เอเชียทัวร์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2023
ซึ่งได้รับการการันตีทั้งหมด 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย และก็ สิงคโปร์ ตามลำดับ ดังต่อไปนี้

4 มีนาคม – กรุงเทพฯ ประเทศไทย
5 มีนาคม – มะนิลา ฟิลิปปินส์
10 มีนาคม – จาการ์ตา อินโดนีเซีย
19 มีนาคม – สิงคโปร์

สำหรับงานในประเทศไทย ได้มีการเจาะจงวันและก็สถานที่จัดงาน

ว่างานจะจัดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคมนี้ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวจากทางเครือข่ายสังคมของผู้จัด Four One One Entertainment (โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) ซึ่งคาดว่าเนื้อหาต่าง ๆ จะถูกประกาศออกมาให้ได้รู้กันในเร็ว ๆ นี้

บีไอ ถือเป็นนักแสดง K-POP มากความสามารถ

ที่น่าจับตามอง ทั้งยังเจ้าตัวยังพิสูจน์ทักษะต่าง ๆ พวกนี้ ผ่านการโปรดิวซ์เพลงอันโดดเด่น และก็เคยครอบครองรางวัล นักแต่งเพลงแห่งปีจากงาน Melon Music Awards 2018 ซึ่งนับเป็นเครื่องการันตีความสามารถอันเยี่ยมยอด ทั้งยังสไตล์การแร็ปแล้วก็การร้องยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในปีที่ผ่านมา บีไอ ได้ปล่อยผลงานเพลง ‘BTBT’ ที่ฟีทเจอริ่งกับ Soulja Boy และ Devita แล้วก็ร่วมงานกับ ชู LOONA ในซิงเกิลคอลแลป ‘Lullaby’ ในโปรเจกต์พิเศษของ Dingo Music

ฟ้าหลังฝน! ย้อนรอยชีวิตเกือบจะตรงลงเหวของ B.I กับทางใหม่ที่สดใสกว่าเดิม

วันที่ 9 มิถุนายน 2019 ข่าวไม่ดีข่าวเร่งด่วนตีแสกหน้าค่ายดังอย่าง YG กระเทือนศิลปินไอดอลวง iKON และผ่าลงกลางศีรษะของ ‘B.I’ หรือ ‘Kim Hanbin’ หนึ่งในสมาชิกของวงแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อรายละเอียดในเนื้อหาที่สื่อ Dispatch นำเสนอกล่าวอ้างว่ามีหลักฐานชี้ว่าตัวบีไอนั้นเคยติดต่อขอซื้อยาเสพติดกับผู้ค้ายารายหนึ่งมาก่อนในตอนปี 2016

มรสุมลูกใหญ่ในวัย 23 ปี

ระหว่างการไต่สวนให้ปากคำรวมทั้งอีกหลายกระบวนการฟ้องศาลยุติธรรมที่เกิดขึ้น รวมทั้งก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายกันไปใหญ่กว่านี้ ในวันที่ 12 มิถุนายน บีไอตัดสินใจยืดอกยอมรับในสิ่งที่ตัวเขากล่าวว่า “ไม่ได้ทำ” อย่างลูกผู้ชาย และกล่าวถึงอดีตของตัวเองด้วยความรู้สึกขมปากว่า “เป็นความจริงที่ผมเคยคิดจะพึ่งพามันในตอนเวลานั้นที่ผมมีปัญหาแล้วก็เจ็บ แต่สุดท้ายแล้วผมก็กลัวรวมทั้งวิตกกังวลมากก็เลยไม่ได้ใช้มัน ผมรู้สึกละอายใจแล้วก็สำนึกผิดในการกระทำที่ผิดพลาด ผมจึงขอถอนตัวออกมาจากวงแล้วก็อยากจะขอโทษแฟน ๆ รวมทั้งสมาชิกในวงจากใจจริง”
จุดเริ่มของรอยร้าวในชีวิตเกิดขึ้นเพียงแค่ด้วยเหตุว่าความคิดชั่ววูบในเวลานั้น บีไออาจจะหลงลืมไปว่า มันจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงตามมาให้ต้องเรียนผูกรวมทั้งเรียนแก้ด้วยตัวเอง

ด้วยความรู้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมวงแล้วก็กลัวว่า ปัญหานี้จะกลายเป็นเครื่องฉุดรั้งให้วงต้องเสียชื่อเสียง และทำให้แฟนคลับอย่างไอคอนิกต้องผิดหวังที่เขาไม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้ บีไอเลือกหันหลังให้กับวงไอคอนและก็ค่ายวายจี เขาหลบจากแสงสีถอยหลังเข้าสู่เงามืดอย่างเร็วทันใจเพื่อจัดการปัญหาที่ยังคงคาราคาซังอยู่ ซึ่งหากแม้ผลตรวจหาสารเสพติดจากทางสำนักงานอัยการและจากทางค่ายจะออกมาว่าเป็นลบ แม้วายจีเองก็ได้ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ว่าเคารพการตัดสินใจการลาออกของไอดอลหนุ่มโดยไม่พยายามที่จะยื้อเขาไว้แต่อย่างใด

แม้เรื่องใหญ่ระดับผิดกฎหมายคำว่าขอโทษอาจจะไม่เพียงพอ ไฟไหม้ที่ว่าดันโหมกระพือกลายเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อมือดีชาวโซเชียลขุดรากถอนโคนเรื่องราวนี้ออกมาทั้งยวงพร้อมประจานไม่ยั้งว่าประธานค่าย ‘ยางฮยอนซอก’ มีส่วนเอี่ยวด้วยแบบเต็มประตู เมื่อย้อนไปปี 2016 ‘ฮันซอฮี’ หญิงสาวที่อ้างว่าเป็นอดีตเด็กฝึกจากค่ายวายจีกลับคำให้การหลังการเข้าพบของบิ๊กบอสจากค่าย ว่าในความเป็นจริงแล้วบีไอไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการซื้อขายยาเสพติด ทำเอาใครคนไม่ใช่น้อยวิพากษ์ไปว่านี่อาจเป็นการปิดปากเพื่อไม่ให้เธอคนนั้นพูดถึงศิลปินในค่ายของเขาเสีย ๆ หาย ๆ บังเอิญกับที่ตอนนั้นป๋ายางเองโดนกระแสลบตีกลับในหลายเรื่อง ทั้งยังการโดนกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในกระบวนการค้าประเวณีร่วมกับศิลปินในค่ายอย่าง ‘ซึงรี’ ซึ่งในช่วงเวลานี้ติดคุกไปแล้ว และไหนจะเรื่องคลับในย่านฮงแดที่เขาเป็นเจ้าของนั้นมีการสอบสวนเรื่องการเลี่ยงภาษีแล้วก็จดทะเบียนการค้าผิดรูปแบบ สุดท้ายต้องรับผิดชอบทั้งหมดด้วยการทิ้งเก้าอี้ผู้บริหารและก็ลาออกไป ค่ายวายจีก็เลยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างจะไม่กระจ่าง

คิมฮันบิน

ในวันที่ iKON ไม่มีเงาหัวหน้าวง

หากไม่นับ Blackpink ที่ยังคงทำรายได้มหาศาลและสร้างชื่อเสียงให้พุ่งทะยานไปถึงฝั่งตะวันตกแล้ว วงอื่นกลับถูกทิ้งกระทั่งลืมตามฉายาที่ใคร ๆ ก็ถูกใจกล่าวว่า “วายจีชอบดองเด็กในสังกัด” ยิ่งไอคอนเองก็เรียกว่ารับศึกหนักแบบเต็ม ๆ เหมือนกัน ในวันที่วงไร้เงาหัวหน้าอย่างบีไอผู้เป็นเรี่ยวแรงมหาศาลที่ทำหน้าที่อีกทั้งแต่งเพลง เป็นโปรดิวเซอร์ ออกแบบท่าเต้น รวมทั้งร้องแร๊ปให้กับวง การดำเนินต่อของไอคอนก็เรียกว่าเหมือนเป็นอัมพฤกษ์ไปตอนหนึ่ง หากแม้ตอนต้นปี 2020 วงจะมีการคัมแบ๊กปล่อยเพลงออกมา
แต่ก็เรียกได้ว่าคว้าน้ำเหลว ชาร์ตเพลงร่วงต่ำลงอย่างรวดเร็วทันใจ เหตุเนื่องจากว่าแฟนคลับส่วนหนึ่งทำใจไม่ได้ที่วงยังดึงดันใช้เพลงที่บีไอทำไว้ภายในการโปรโมต หากแม้ทางค่ายจะมีการปรับเปลี่ยนเมโลดี้รวมทั้งเนื้อเพลงบางส่วนแล้วก็ตาม แล้วก็ถึงแม้ตัวบีไอจะรับผิดชอบด้วยการลาออกจากวงไปแล้ว แต่แฟนคลับบางส่วนก็ยังไม่ค่อยพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นพากันหันหลังโบกมือลาวงไอคอนไปคนไม่ใช่น้อย

แต่แสงสว่างมักปรากฏที่ปลายอุโมงค์เสมอ เมื่อค่ายยอมให้วงไปออกรายการแข่งขันอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความสามารถของอีก 6 หนุ่มที่หลงเหลืออยู่อย่างวาไรตี้ ‘Kingdom’ รายการที่จับเอาวงบอยแบนด์หลายวงมาแข่งกันหายอดเยี่ยมไอดอลในตอนต้นปี 2021 รวมทั้งแม้วงจะชวดรางวัลที่หนึ่งไปแต่ก็พิสูจน์ให้แฟน ๆ แล้วก็วงการเคป๊อปได้มีความคิดเห็นว่า ไอคอนมีเพลงดังมากมายที่ฝังอยู่ในใจทุกคน และก็ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นไอคอนแห่งเคป๊อปได้ในที่สุด ซึ่งต่อจากนี้แฟน ๆ ไอคอนิกคงต้องมาตามลุ้นกันต่อว่าต่อขานทางของวงจะเดินไปในรูปแบบไหน เพราะเหตุว่าปัจจุบันอีกหนึ่งสมาชิกตำแหน่งร้องแร๊ปอย่าง ‘Bobby’ เองก็พึ่งประกาศข่าวดีเรื่องการแต่งงานแล้วก็มีเบบี๋ตัวน้อยไปแล้วด้วย

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ

ย้ายกลับมาที่บีไอเองแม้ดูเหมือนวิถีทางชีวิตจะขรุขระและเงียบหายไปจากวงการสักพัก ถ้าความรักในดนตรีและก็การร้องเพลงยังคงเป็นแรงผลักดันให้กับเขาเสมอ บีไอยังคงขีดเขียนเพลงและปล่อยเดโม่ของตนเองใน Soundcloud เป็นระยะ ๆ แม้นอกจากไปกว่าข่าวพัวพันด้านลบที่เขาต้องเจอ บีไอกลับได้รับการเสนอชื่อให้นั่งแท่นเป็นกรรมการบริษัท IOK Company ขึ้นตรงต่อที่เต็มไปด้วยคนบันเทิงตั้งแต่นักร้อง นักแสดง แล้วก็พิธีกรอีกหลายสิบชีวิต นี่เป็นค่ายดังที่คนภายในประเทศรู้จักกันดีว่าชอบปัดกวาดคนบันเทิงที่มีความสามารถมานั่งแท่นบริหารองค์กรด้วยกันทั้งสิ้น และแน่นอนว่าเขาตอบตกลงตำแหน่งนี้เพื่อเริ่มต้นอีกหนึ่งบทบาทของตน และก็เป็นการเปิดประตูก้าวเข้าสู่การเป็นนักร้องอีกครั้ง

ชีวิตบีไอไต่ขึ้นจากเหวลึกตามลำดับรวมทั้งฟื้นขึ้นอย่างเร็วทันใจด้วยความสามารถและสองแขนของเขา ยังมีเพื่อนรุ่นพี่อย่างวง ‘Epik High’ ที่ยังคงมั่นใจแล้วก็ชื่นชมในความสามารถของเขาได้เชิญชวนให้มาร่วมงานในเพลง ‘Acceptance Speech’ ที่ปล่อยออกไปในช่วงต้นเดือนมกราคมปี 2021 โดยไม่สนใจว่าจะมีกระแสตีกลับหรือเปล่า ด้วยเหตุว่าศิลปินด้วยกันเองรู้ๆกันดีอยู่แล้วถึงความสามารถอันแพรวพราวของเขา ซึ่งบีไอถือเป็นไอดอลรุ่นใหม่ที่ได้รับเสียงชื่นชมในความสามารถจากการเป็นไอดอลคนแรกที่ชนะรางวัลแต่งเพลงดีเยี่ยมที่สุดจาก Melon Music Awards ในปี 2018 รวมทั้งยังได้รับเครดิตในฐานะนักแต่งเพลงแล้วก็โปรดิวเซอร์อีกมากมายจากค่ายเก่าอย่างวายจีอีกด้วย

หลังจากนั้นไม่นานนักเขาเดินหน้าปล่อยซิงเกิ้ล

อัลบั้ม ‘Midnight Blue (Love Streaming)’ เป็นอัลบั้มเพื่อการบุญกุศลภายใต้ค่าย 131 Label ที่บีไอเป็นผู้จัดตั้งและเป็นสังกัดย่อยของ IOK Music กระแสของชายหนุ่มคนนี้เริ่มกลับมาอีกครั้ง เมื่อ 3 เพลงในอัลบั้มบอกเล่าความหมายที่ลึกซึ้งและต้องการปลอบโยนความเหนื่อยอ่อนล้าให้กับตนเองรวมทั้งแฟนคลับ
เนื้อความที่จริงใจที่สุดส่งต่อถึงคนที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก สะท้อนความเข้าใจ และเข้าถึงผู้ฟังได้ลึกถึงส่วนลึกของความคิด

ต่อด้วยการเชิญชวนศิลปินฝั่งตะวันตกอย่าง ‘Destiny Rogers’ รวมทั้ง ‘Tyla Yaweh’ มาร่วมงานในซิงเกิ้ลใหม่ แสงสว่างเริ่มสาดชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบีไอเดินหน้าปล่อยอัลบั้มเต็มทั้งหมด 12 เพลงในชื่อว่า ‘Waterfall’ ที่ยังขอแรงเพื่อนสนิทจากค่ายเก่าอย่างนักร้องพลังเสียง ‘Lee Hi’ และก็รุ่นพี่คนสนิทอย่าง ‘Tablo’ มาร่วมงานในอัลบั้มนี้อีกด้วย การกลับมาครั้งนี้บีไอเปลี่ยนไป เขาสุขุมรวมทั้งสงบมากขึ้นยามออกกล้อง หากความเป็นศิลปินอย่างสุดกำลังยังฉายชัดถึงแพชชั่นที่มี สไตล์เพลงที่เปลี่ยนไปมีการผสมผสานแนวป๊อปฟังสบาย และความเป็นโซลเข้ามาเติมเต็ม ถือเป็นการก้าวออกจากกรอบเพลงที่เรียกว่าเคป๊อปได้อย่างสิ้นเชิง

บทเรียนราคาแพงที่แลกมาด้วยเกือบทุกอย่าง ชีวิต เกียรติศักดิ์ อนาคต แล้วก็ความฝัน สอนให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับบีไอแล้วเขาก็เลยไม่ใช่แค่ไอดอล แต่เขาเป็นตัวอย่างของชีวิตที่มีจังหวะขึ้นและลง หากสิ่งที่สำคัญคือ ความฝันและความไม่ยอมแพ้ที่จะฉุดตนเองขึ้นจากปากเหวได้อีกรอบ อาจจะไม่จำเป็นว่าล้มเมื่อใด แต่ลุกได้เร็วเพียงใดคือคำตอบของการใช้ชีวิตต่างหาก และจากนี้พวกเราเชื่อว่าเส้นทางชีวิตของเขาจะต้องพุ่งทะยานขึ้นสู่ยอดเขาอีกที เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรวงการเคป๊อปนี้ก็ยังต้องการคนเก่งอย่างผู้ชายที่ชื่อว่า “บีไอ” อยู่แล้ว

คิมยองแด
23 Jan, 2023

เกิดอะไรขึ้น!? ซุปตาร์ประเทศเกาหลีดังถูกยกเลิกงงานในประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีแถลงการณ์ว่า พระเอกดังแดนกิมจิ “คิมยองแด” Kim Youngdae กำลังมีงานมีตติ้งของพบปะสนทนาแฟน ๆ ชาวไทย กับงาน ‘FLY.OUNGDAE FALL IN LOVE YOUNGDAE THAILAND’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้

แต่ปัจจุบันไม่เคยทราบว่าเกิดอะไรขึ้น!? เมื่อทาง The DND ผู้จัดงานแฟนมีตติ้งของ คิมยองแด ในประเทศไทยออกมาประกาศงานนี้ออกไปอย่างไม่มีระบุ โดยให้เหตุผลว่า …เพราะเหตุว่าสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และแจ่มแจ้งกำหนดการใหม่ให้ทราบโดยเร็วที่สุด…

พระเอกดังคิมยองแด

พระเอกดังแดนกิมจิ

ด้านแฟน ๆ ได้แสดงความเห็นว่า อาจจะเพราะเหตุว่าฟีดแบคตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากว่าขายบัตรได้ไม่ถึง 10% ของงาน

ตามเก็บ 3 ผลงานเด็ดของ คิมยองแด (Kim Young-dae)

When the Weather Is Fine (2020)
ซีรีส์ ความยาว 16 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที
ช่องทางรับชม WeTV

ใครต้องการสัมผัสบรรยากาศสโลว์ไลฟ์ขอให้พุ่งไปเรื่องนี้ มกแฮวอน (รับบทบาทโดย พัคมินยอง) ครูสอนเชลโล่ในกรุงโซลที่พบกับปัญหารายล้อมรอบด้านทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้า หมดไฟ ไม่มีเรี่ยวแรงจะตื่นไปทำงาน ขณะที่ฤดูหนาวกำลังมาเยี่ยมยิ่งทำให้ความรู้สึกของมกแฮวอนดิ่งลงเหว คุณจึงออกเดินทางไปยัง หมู่บ้านบุคฮยอน จังหวัดคังวอน สถานที่ซึ่งเป็นบ้านเกิด เพื่อพักกายแล้วก็ฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลับมาดีดังเดิมก่อนฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง

ขณะดำเนินชีวิตยังบ้านเกิด มกแฮวอนได้เจอกับ อิมอึนซอบ (รับบทโดย ซอคังจุน) หนุ่มน้อยเจ้าของร้านหนังสือ Goodnight ผู้ที่ข้างนอกดูเย็นชาแต่ภายในกลับอบอุ่นเช่นเดียวกันกับเตาผิง ทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้นผ่านการทำกิจกรรมเรียบง่ายอย่างการอ่านหนังสือแล้วก็จิบกาแฟ ความสนิทสนมเริ่มก่อตัวกลายเป็นความรักท่ามกลางหิมะที่ยังคงกระหน่ำลงมาอย่างตลอด ตลอดฤดูหนาวมีเพื่อนเก่าวัยเด็กแวะเวียนมาหาพวกเขาอยู่บ่อยมาก แล้วก็หนึ่งในนั้นเป็น โอยองอู (สวมบทบาทโดย คิมยองแด) หนุ่มน้อยที่เคยตกหลุมรักมกแฮวอนตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมปลาย

เป็นซีรีส์ที่สื่อถึงการหาความสุขรอบตัวที่เรียบง่าย บอกเล่าวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัดล้อไปกับบรรยากาศหิมะตกตลอดทั้งเรื่องเชื้อเชิญให้หนาวถึงขั้วหัวใจ แต่เมื่อพระนางอยู่ด้วกันทีไรเหมือนหิมะละลายลงในทันตาเห็น ตัวละครชาวบ้านในหมู่บ้านบุคฮยอนยังสร้างสีสันเพิ่มความอบอุ่นให้ทุกเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ยิ่งเรื่องนี้นำนิยายมีชื่อมาร้อยเรียงเป็นละครจึงเต็มไปด้วยประโยคสนทนาที่คมคายกินใจ ดำเนินเรื่องไปอย่างเนิบช้าแต่กระทบความรู้สึกเกือบทุกซีน ใครเป็นคอซีรีส์ชีวิตแฝงปรัชญาอย่าง My Mister (2018) หรือ My Liberation Notes (2022) เชื่อว่าเรื่องนี้คงจะตอบโจทย์เช่นเดียวกัน

แม้เรื่องนี้คิมยองแดจะไม่ใช่นักแสดงหลัก แต่ช่วงหนึ่งของซีรีส์เขากลับมีบทบาทสำคัญต่อเรื่องราวอยู่ไม่น้อยทีเดียว ต้องเป็นทั้งผู้เรียนวัยมัธยมและวัยผู้ใหญ่ ทำให้ได้เห็นอีกทั้งพาร์ทที่เขายังเป็นผู้เรียนมอปลาย ลักษณะท่าทางเป็นผู้นำแก๊งอันธาลที่เพื่อนร่วมโรงเรียนไม่กล้าหือ ขณะที่พาร์ทผู้ใหญ่กลับเงียบขรึมรวมทั้งเรียบร้อยมากขึ้น ถึงจะแสดงตัวไม่บ่อยแต่การแสดงที่พัฒนาขึ้นทำให้ดูแล้วยังจำชายหนุ่มคนนี้ได้เป็นอย่างดี

The Penthouse: War in Life – เกมแค้นระฟ้า (2020-2021) คิมยองแด

ซีรีส์ 3 ซีซั่น ความยาว 48 ตอน ตอนละประมาณ 80 นาที
ช่องทางรับชม NETFLIX / WeTV / VIU (มีพากษ์ไทย)

สายดราม่าบาดใจชักชวนทางนี้ เปิดชีวิตเหล่าไฮโซในตึกหรูที่สุดของกรุงโซลอย่าง เฮราพาเลซ ศูนย์กลางแห่งความลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจและเงินตราที่ซึ่งกฎเกณฑ์ด้านศีลธรรมถูกละเว้นเพื่อพวกเขาได้สนองกิเลสตัณหาอย่างไม่สิ้นสุด เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อตึกแห่งนี้ได้เกิดเหตุฆาตกรรมเด็กสาวนามว่า มินซอลอา (สวมบทโดย โชซูมิน) นำมาซึ่งมหากาพย์แห่งการแก้เผ็ดและความเกี่ยวเนื่องอันสลับซับซ้อนเกินคาดเดา

การเสียชีวิตของมินซอลอาเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด มหกรรมเผยโฉมความลับของผู้คนในตึกแห่งนี้ได้นำพาพวกเขาให้เข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์โจษจันที่ยิ่งขุดยิ่งเน่ากระทั่งเกินแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าแห่งแวดวงอสังหาริมทรัพย์อย่าง จูดันแท (สวมบทบาทโดย ออมกีจุน) ชิมซูรยอน (รับบทโดย อีจีอา) ภรรยาผู้เต็มไปด้วยบาดแผลจากเหตุฆาตกรรมดังกล่าว ทั้งยังยังสาวไส้ไปถึงนักร้องโซปราโน่มีชื่ออย่าง ชอนซอจิน (สวมบทโดย คิมโซฮยอน) รวมถึงตัวแทนของชนชั้นกลางอย่าง โอยุนฮี (สวมบทโดย ยูจีน) หญิงสาวผู้ปรารถนาที่จะยกระดับชีวิตตัวเองจึงก้าวเข้ามายังตึกระฟ้าแห่งนี้ด้วยเดิมพันบางอย่าง

เป็นซีรีส์ดราม่าที่อาจจะไม่มีใครไม่เคยทราบเนื่องจากว่า

ชื่อกระฉ่อนทั้งยังในแล้วก็นอกเกาหลี เดินเรื่องโดยใช้เกมแก้เผ็ดนำทางตั้งแต่เริ่มจนถึงนาทีสุดท้าย กลางทางขยันแกงคนดูด้วยการสรรหาสารพัดกลเม็ดเด็ดพรายมาพลิกแพลงกระทั่งคาดทายใจไม่ได้ หลายท่านให้คำนิยามเรื่องนี้ว่า ศูนย์รวมความประสาทแ_กชั้นยอดเยี่ยม ลากเนื้อเรื่องยาวมาถึงสามซีซั่นชนิดที่ความนิยมชมชอบไม่เคยแผ่วแถมยังมีความแปลกใหม่มาให้ได้ร้องว้าวกันตลอด
นอกเหนือจากการฟาดฟันเชือดเฉือนแล้วยังเสียดสีสังคมด้วยการเปิดเผยหลักสำคัญชนชั้น การศึกษา รวมทั้งระบบยุติธรรมเอาไว้อย่างโจ่งแจ้ง เนื้อหาเข้มข้นตั้งแต่รุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูก ใครกำลังมองหาซีรีส์ที่ดูแล้วสะใจจนตบเข่าฉาด บอกเลยห้ามพลาดด้วยประการทั้งมวล

เรื่องนี้คิมยองแดมีช่องทางสวมบทเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายอีกรอบในตัวละครที่ชื่อว่า จูซอกฮุน ลูกชายคนโตของจูดันแท ถือเป็นผลงานที่แฟนชาวไทยเองได้ทำความรู้จักชายหนุ่มคนนี้อย่างเป็นทางการและให้การต้อนรับในโลกโซเชียลกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ด้วยการถ่ายทอดบุคลิกเด็กหนุ่มสาวที่มีความเก็บกดจากการกระทำของพ่อแม่ จึงกลายเป็นคนนิ่งเฉยแต่ฉลาดหลักแหลมรวมทั้งมีไหวพริบปฏิภาณ ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องเปิดโอกาสให้คิมยองแดได้พัฒนาความชำนาญทางการแสดงจนกระทั่งทุกวันนี้ได้ก้าวขึ้นแท่นเป็นพระเอกเต็มตัวไปเป็นที่เรียบร้อย

Kim Youngdae
Shooting Star (2022)

ซีรีส์ ความยาว 16 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที
ช่องทางรับดู VIU / iQIYI / WeTV

ส่งท้ายกันด้วยผลงานล่าสุดกับการเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกหลังจากวนเวียนเป็นนักแสดงสมทบมาพอเหมาะ พาทุกคนไปซอกแซกเบื้องหลังการทำงานของมนุษย์ในค่ายบันเทิงอีกทั้งผู้บริหาร ผู้จัดการดารา รวมทั้งหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์อย่าง โอฮันบยอล (เล่นบทโดย อีซองคยอง) ประชาสัมพันธ์สาวผู้ต้องสู้จัดการกับทุกอุปสรรครอบด้านเพื่อดูแลภาพลักษณ์ศิลปินในสังกัดให้เฉิดฉันมากที่สุด เธอทำงานชนิดขายวิญญาณตลอด 24 ชั่วโมงจนกระทั่งเกือบจะไม่เหลือเวลาให้ใช้กับเรื่องส่วนตัว

ยุ่งเหยิงหัวฟูจากภาระหน้าที่งานรายวันยังไม่พอ โอฮันบยอลยังต้องรับมือกับ กงแทซอง (สวมบทโดย คิมยองแด) ซูเปอร์สตาร์ระดับเอลิสต์ขวัญใจแฟนคลับทั่วประเทศ ภาพลักษณ์ของกงแทซองเป็นชายหนุ่มหล่ออ่อนน้อมถ่อมตนรวมทั้งมีจิตสาธารณะจากการเดินทางไปเป็นอาสาสมัครยังพื้นที่กันดารในทวีปแอฟริกา แต่ทว่าเบื้องหลังเขากลับเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพีอาร์สาวจากการถูกทำให้อับอายขายหน้าเมื่อหกปีกลาย เมื่อกลับมาเกาหลีกงแทซองเกาะติดโอฮันบยอลเป็นปลิงรวมทั้งรอกลั่นแกล้ง
เธอสารพัด แต่ตีกันไปตีกันมาดูดังว่าสงครามประสาทระหว่างซุปตาร์ชายหนุ่มกับประชาสัมพันธ์สาวจะกลายเป็นความรักไปเสียดื้อ ๆ

เว้นแต่การตีแผ่เบื้องหลังของวงการบันเทิงประเทศเกาหลีที่เล่าออกมาไม่เครียดจนกระทั่งเกินไป เรื่องนี้ยังจัดเต็มอีกทั้งความขำขันแล้วก็ความสัมพันธ์รักสุดหวานของบรรดาตัวละครมากมายหลายคู่ มั่นใจได้เลยว่าถูกจริตคอซีรีส์รอมคอมแบบสิบเต็มสิบ ได้เห็นคิมยองแดในฐานะพระเอกเต็มตัวกับบทบาทซุปตาร์หนุ่มมาดทะเล้น บุคลิกโตเป็นผู้ใหญ่แปลกหูแปลกตาจากผลงานที่ผ่านมา เสริมความน่าดูด้วยเคมีที่เข้ากันได้อย่างกลมกล่อมกับนางเอก อีซองคยอง เรียกว่าตีกันตั้งแต่เปิดตัวจนกระทั่งอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้

ลิซ่า
19 Jan, 2023

‘ดีใจทุกคราวที่ได้กลับบ้าน’ ลิซ่า BLACKPINK เขียนใจความภาษาไทยผ่าน IG เผยความรู้สึกขอบคุณ หลังจัดคอนเสิร์ตที่ไทย

ลิซ่า BLACKPINK อัปเดตโพสต์ล่าสุดผ่านทาง Instagram ของคุณ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าเธอได้โพสต์เนื้อความทั้งหมดเป็นภาษาไทย เพื่อขอบคุณเหล่าบลิ๊งค์ชาวไทยโดยเฉพาะ หลังจากที่เสร็จสิ้นคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR BORN PINK BANGKOK ที่เมืองไทยมาหมาด ๆ

LISA

ลิซ่า BLACKPINK

โดย ลิซ่า ได้เขียนใจความเป็นภาษาไทย ด้วยความรู้สึกขอบคุณ แล้วก็ ดีใจ

ที่ได้กลับมาประเทศไทยบ้านเกิดของเธอในรอบหลายปี ว่า

“อย่างแรกเลย หนูดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้เจอกันในรอบหลายปี ทั้งสองวันมีคนมาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม อย่างที่หนูได้บอกไปว่า รู้สึกโชคดีและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ขึ้นแสดงต่อหน้า blinks ขอบคุณและประทับใจในความรักและกำลังใจที่ทุกคนมีให้หนูมาตลอด ดีใจทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน รักและคิดถึงเสมอนะคะ LOVE THAI BLINKS KA”

ลิซ่า วงBLACKPINK BLACKPINKคอนเสิร์ตที่ไทย

ภายในวันเดียวกัน ลิซ่า ยังได้โพสต์รูปอีกเซ็ตที่ถ่ายระหว่างจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย พร้อมแคปชั่นสั้น ๆ เป็นอิโมติค่อนรูปธงชาติไทย รวมทั้ง หัวใจ อีกด้วย

TrueID

ทรูไอดี เปิดตัว “ลิซ่า แบล็กพิงค์”เป็นพรีเซ็นเตอร์ซูเปอร์สตาร์ระดับเวิลด์คลาสคนใหม่ของ ทรูไอดี ตอกย้ำ ผู้นำคอนเทนต์ระดับโลกตัวจริง

ปรากฎการณ์เวิลด์คลาสสุดยิ่งใหญ่! ทรูไอดี ย้ำภาพ World-Class Smart Entertainment ตัวจริง กับการเปิดตัว “LISA แบล็กพิงค์” ซุปตาร์ระดับโลก ผงาดบัลลังก์พรีเซ็นเตอร์คนใหม่
พร้อมส่งต่อความสำราญ และรอยยิ้มให้คนไทยทั่วประเทศ ด้วยยอดเยี่ยมประสบการณ์ความบันเทิงเหนือชั้น อัดแน่นพาเหรดจากทั่วทุกมุมโลก เติมเต็มอรรถรสทุกไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล

กรุงเทพฯ 9 มกราคม 2566 – ยิ่งใหญ่สมกับการเป็นเจ้าแห่งคอนเทนต์ระดับโลก ทรูไอดี เปิดตัว “LISA แบล็กพิงค์”เป็นพรีเซ็นเตอร์ซูเปอร์สตาร์ระดับเวิลด์คลาสคนใหม่ของ ทรูไอดี ตอกย้ำผู้นำคอนเทนต์ระดับโลกตัวจริง ด้วยแนวคิด The Next World Class Smart Entertainment โดยเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาได้สะเทือนทุกวงการทำให้คนไทยทั่วประเทศตะลึงดั่งต้องมนต์สะกด จนไม่บางทีอาจละสายตาไปกับภาพยนตร์โฆษณาชุด “TrueID ไอดีของทุกตัวตน” ที่เพิ่งพรีเมียร์พร้อมทั่วราชอาณาจักร ภาพยนตร์โฆษณานี้ยังเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ แล้วก็ความน่ารักของลิซ่าในลุคที่คุณไม่เคยมองเห็น อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่มีเหล่า BLINKs ไทยเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งถือเป็นความยิ่งใหญ่ และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยรายละเอียดของเรื่องยังเล่าถึงตัวตนที่หลากหลายของLISA ซึ่งสะท้อนถึงคอนเท้นท์ที่หลากหลายบนทรูไอดี ที่คัดสรร เฟ้นหาสุดยอดความบันเทิงจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมด้วยนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ
มาเอาไว้ในอุปกรณ์แล้วก็แอปฯ ของทรูไอดี เพื่อตอบปัญหาทุกไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลอย่างพร้อม

Mr. George Cheng, Group Managing Director of Digital Media, True Digital Group กล่าวว่า

“นับเป็นอีกก้าวสำคัญ ที่ทรูไอดีเจ้าแห่งคอนเทนต์ระดับโลก ผงาดขึ้นอีกครั้ง ในการสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ได้ต้อนรับ “LISA แบล็กพิงค์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของทรูไอดี ซึ่งถือเป็นความภูมิใจที่ได้ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่สวย สมาร์ท ทรงอิทธิพลด้านดนตรี และแฟชั่น มาตอกย้ำภาพความเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกของทรูไอดี ที่ในปัจจุบันครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้ง ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์ ได้อย่างลงตัว โดยล่าสุดได้กระแสตอบรับดีเยี่ยม หลังจากเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “TrueID ไอดีของทุกตัวตน” โดยทรูไอดีมาในครั้งนี้ได้ขนเอาความบันเทิงแบบเวิลด์คลาสมาเพื่อคนไทย ทั้งหนัง เพลง ซีรีส์ กีฬา ข่าวสาร ทั้งพากย์ไทยและซับไทย รวมถึงเอ็กซ์คูลซีฟคอนเทนต์ของ BLACKPINK และคอนเทนต์อื่นๆ อีกมากมายจากศิลปินในสังกัด YG Entertainment ให้เพลิดเพลินไปกับสาระบันเทิงระดับเวิล์ดคลาส และพร้อมส่งมอบสิทธิพิเศษที่ตรงใจคุณตลอดปี 2566 นี้”

นอกเหนือจากนั้น คอนเท้นต์และกิจกรรมต่าง ๆ จากทรูไอดี

ได้พัฒนาไป มากมาย และก็มีฟังก์ชั่นและลูกเล่นใหม่ ๆ ทั้งบนแอปฯ และก็อุปกรณ์ ดูทีวีของทรูไอดี ไม่ว่าจะ เป็นการประสานมือกับกูเกิล (Google) ให้คุณได้ สั่งการบน รีโมท ทีเป็น ภาษาไทยได้ เป็นเจ้าแรก Privilege สิทธิพิเศษ ดีลดีร้านดัง ดูคอนเท้นท์ ไป ก็ยังสะสมทรูพอยท์เพิ่ม ได้ทุกวัน ในขณะนี้ทรูไอดี รองรับทุกแพลตฟอร์ม อย่างสมบูรณ์ ทั้งสมาร์ทโฟน เว็ปไซด์ การดูทีวีที่บ้าน หรือในอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของทรูไอดี ที่สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิง
ระดับโลกที่เหนือชั้นให้คนไทยได้อย่างแท้จริง

ไอยู
17 Jan, 2023

หล่อร่ำรวยเวอร์! ซงจุงกิซื้อวิลล่าหรูแพงสุดในประเทศเกาหลี มีซุปตาร์คนนี้เป็นเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 12 มกราคม ในรายการ Entertainment Company Live ของสถานี KBS ได้เปิดเผยทรัพย์สินบางส่วนในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของนักแสดง แล้วก็หนึ่งในนั้นเป็นพระเอกซุปตาร์ ซงจุงกิ ตามรายงานพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของซงจุงกิมีมูลค่าสูงถึง ₩50.0 พันล้านวอน (ประมาณ 40.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) และก็รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น คอนโดสุดหรูริมชายหาดฮาวายที่เขาจ่ายไป 2,7000 ล้านวอน แล้วก็บ้านพักสุดหรูในอิแทวอนที่เขาซื้อในราคา 10,000 ล้านวอน ซึ่งมีรายงานว่าตอนนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 20.0 พันล้านวอน (ประมาณ 16.1 ล้านเหรียญสหรัฐ)

ซงจุงกิซื้อวิลล่า

ดังนี้ยังมีการเปิดเผยว่า อพาร์ตเมนท์ย่านฮันนัมดง ในขณะนี้ของซงจุงกิมีมูลค่า 9.50 พันล้านวอน (ประมาณ 7.66 ล้านเหรียญสหรัฐ)
แต่เมื่อเทียบกับวิลล่าสุดหรูเขตชองตัมดงที่เขาเพิ่งจะซื้อ ที่นี่จัดว่าเป็นอสังหาฯ ที่แพงที่สุดในประเทศเกาหลีใต้

วิลล่าหรูแพงสุดในเกาหลี

สำหรับวิลล่าสุดหรูแห่งใหม่ของ ซงจุงกิ

สามารถเห็นแม่น้ำฮันชัดเจน แล้วก็มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก ๆ ทั้งนี้ยังมีซุปตาร์สาว ไอยู (IU) อาศัยอยู่เช่นกัน

ผลงานสุดปัง ซงจุงกิ พระเอกฮอตเจ้าของสมญานาม สามีแห่งชาติ

ซงจุงกิ (Song Joong-Ki) #สามีแห่งชาติที่แท้ทรูสำหรับพระเอกหนุ่มสุดฮอต หลังจากครองใจสาว ๆ ทั่วเอเชียกับบทบาท กัปตันยูชีจิน ในซีรีส์ที่โด่งดังไปทั่วอย่าง Descendants of the Sun ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ กันไปแล้ว ยังกลับมาตอกย้ำความร้อนแรงด้วยบท วินเซนโซ่ ทนายมาเฟียมาดเนี้ยบ ที่ทำให้ใครคนจำนวนไม่น้อยยังมูฟออนไม่ได้ แถมผลงานปัจจุบันอย่าง Reborn Rich ก็ลาจอไปด้วยการทำเรตติ้งสูงเป็นอันดับ 2 ของซีรีส์ช่องเคเบิลอีกต่างหาก และก็ด้วยความสามารถที่หลากหลาย บวกกับการแสดงที่ดี วันนี้ทีมข่าวจะพาแฟน ๆ ไปย้อนดูผลงาน ซงจุงกิ สุดปัง ทั้งหนังและก็ซีรีส์ ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นตามมาดูแล้วเก็บเข้าลิสต์กันเลย

ซงจุงกิ

ประวัติ ซงจุงกิ

ซงจุงกิ นักแสดงชาวประเทศเกาหลีใต้
เกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ย. พุทธศักราช 2528
เริ่มเข้าสู่วงการแสดงในปี 2551 ในหนังแนวพีเรียดเรื่อง A Frozen Flower (2551)

ซงจุงกิเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากบทบาท กูฉันยงฮา ในซีรีสเรื่อง Sungkyunkwan Scandal (2553) หรือชื่อไทยว่า บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น และก็พิธีกรรายการวาไรตี้โชว์สุดได้รับความนิยม
อย่าง Running Man (รันนิ่งแมน) นั่นเอง ก่อนจะได้รับบทบาทนำคราวแรกในซีรีส์เรื่อง The Innocent Man (2555) ซีรีส์แนวดราม่าสุดเข้มข้น

แล้วก็ในปี 2556 เขาได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งหลังจากปลดประจำการเขามีผลงานชิ้นใหม่ที่โด่งดังกลายเป็นที่รู้จักทั่วเอเชียกับ Descendants of the Sun (ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ)
และซีรีส์เรื่องนี้เองที่ทำให้ได้พบรักกับ ซองเฮเคียว (Song Hye-gyo) ผู้รับบทนางเอกของเรื่อง และกลายมาเป็นนางเอกในชีวิตจริงของเขาด้วย ซึ่งทั้งคู่ได้แต่งงานกันในปี 2560 รวมทั้งหย่าร้างกันในปี 2562 จบตำนานรักคู่จิ้นสุดฟินกันไป

นักแสดงซงจุงกิ

ผลงานเด่น ซงจุงกิ

Sungkyunkwan Scandal (2010)
บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น อีกหนึ่งซีรีส์ที่รวบรวมนักแสดงมีชื่อเสียงไว้มากมาย ทั้งยังพัคยูชอน พัคมินยอง ซงจุงกิ ยูอาอิน และก็ซอฮโยริม เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซองคยุนกวาน สถาบันอบรมบัณฑิตชื่อดังในสมัยโชซอน โดยเรื่องเกิดขึ้นหลังจาก คิมยุนฮี สาวน้อยสวยหวานที่ต้องคอยหาเลี้ยงครอบครัว ปลอมตัวเป็นผู้ชายและรับจ้างสอบแทนเพื่อหาเงิน แต่ดันโชคร้ายโดน
ลีซอนจุน ลูกชายของรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายของราชสำนัก จับได้ว่าเธอแอบคดโกง เธอเลยต้องตัดสินใจหลบซ่อนออกมา

แต่ว่าไป ๆ มา ๆ เขากลับรู้สึกประทับใจรวมทั้งเรียกตัวเธอกลับมาสอบอีกรอบ สุดท้ายทั้งสองจึงได้เข้าเรียนด้วยกัน กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วก็มีความรู้สึกพิเศษให้กัน โดยที่ฝ่ายชายไม่รู้เรื่องเลยว่าโดยความเป็นจริงแล้วเธอเป็นเพศหญิง ซึ่งในเรื่อง ซงจุงกิ รับบท กูยงฮา
หนุ่มน้อยหน้าใสเจ้าสำราญ เรียกได้ว่าเป็นบทบาทที่ทรงเสน่ห์มากจริง ๆ

The Innocent Man (2012)
ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกสำหรับบทบาท คังมารู ที่เป็นการพลิกบทจากหนุ่มเจ้าสำราญเป็นหนุ่มที่มีปมในใจ เรียกได้ว่าเป็นการพิสูจน์ฝีมือการแสดงของซงจุงกิเลยทีเดียว เนื่องจากว่าเขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของนักแสดงได้อย่างลึกซึ้ง บทจะหวานก็หวานจนถึงคนดูจิกมือแล้วจิกมืออีก บทจะทุกข์ใจก็ดราม่าเสียจนกระทั่งน้ำหูน้ำตาไหล รวมทั้งด้วยเนื้อหาของเรื่องที่พูดถึง คังมารู นักศึกษาแพทย์ผู้มีจิตใจดียอมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทุกสิ่งเพื่อผู้หญิงที่รัก กลับกลายเป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตในความมืดมนเพื่อรอวันเอาคืนผู้หญิงที่หักหลังเขา

ซึ่งการแสดงในเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลมากมาย ทั้งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในงาน K-Drama Star Awards ครั้งที่ 1, รางวัล Best Couple Award, Netizens’ Award และ Top Excellence Award, Actor จากงาน KBS Drama Awards ในปี 2012 ด้วย

A Werewolf Boy (2012)
ก้าวเข้าสู่โลกภาพยนตร์กันบ้าง สำหรับเรื่องนี้ ซงจุงกิ สวมบทบาทเป็น ชอลซู เด็กชายกำพร้าที่เติบโตมาแบบไร้คนเลี้ยงดู ทำให้เขามีพฤติกรรมคล้ายสัตว์ จนกระทั่งได้มาเจอกับครอบครัวของ ซุนอี ที่รับเขามาดูแลแล้วก็กลายเป็นมิตรภาพกระทั่งก่อให้เกิดความรักนั่นเอง ซึ่งในเรื่องนี้เป็นการดึงความสามารถในฐานะนักแสดงขั้นสุด เพราะว่าบทของเขานั้นใช้การแสดงอารมณ์สื่อสารผ่านสายตาแล้วก็ลีลาเป็นหลัก เรียกได้ว่าเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซอีกชิ้นหนึ่ง แล้วก็ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงาน Baeksang Arts Awards ในปี 2013 อีกด้วย

Descendants of the Sun (2016)
ฮอตเว่อร์วังสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ที่ต้อนรับการกลับมาของซงจุงกิ หลังจากเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี กับบทบาทผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ซึ่งคาแรกเตอร์นี้เป็นที่รู้สึกชื่นชอบของหลายท่าน อีกทั้งในเรื่องความกล้าหาญ มีเกียรติ แล้วก็ความฉลาดปราดเปรื่อง สำหรับบทกัปตันยูชีจินที่โด่งดังไปทั่วเอเชียแปซิฟิค นับเป็นงานแสดงที่สะท้อนตัวตนที่เติบโตของเขา ความเป็นผู้ใหญ่ที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาที่ดูเป็นหนุ่มดอกไม้หน้าหวาน ที่เจอรักกับคุณหมอคนสวยอย่าง คังโมยอน ที่นำแสดงโดย ซองเฮเคียว และก็ด้วยเคมีที่เข้ากันของคู่พระ-นาง ยิ่งส่งผลให้ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอีกเท่าตัว รวมทั้งได้รับความนิยมชมชอบทั้งยังในและนอกประเทศ แถมยังสร้างปรากฏการณ์รักนอกจอที่ทำให้ทั้งคู่จูงมือเข้าประตูแต่งงานกันในปี 2017 อีกด้วย

The Battleship Island (2017)

อีกหนึ่งหนังทำเงินของประเทศเกาหลี โดยในเรื่องนี้ ซง จุงกิ รับบทเป็น พัคมูยอง สมาชิกของขบวนการเรียกร้องเอกราชในเกาหลีใต้ ที่แทรกซึมเข้าไปในเกาะเพื่อช่วยเหลือสมาชิกในกลุ่มออกมา หนังกล่าวถึงเรื่องราวของ Battleship Island ที่เกิดขึ้นในสมัยประเทศเกาหลีกลายเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น โดยชาวเกาหลีกว่า 400 ชีวิต ถูกส่งไปใช้แรงงานหนักในเหมืองถ่านหินบนเกาะเรือรบ (Battleship Island) หรือที่รู้จักในนาม เกาะฮาชิมะ แต่ด้วยสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ชั่วร้ายเกินนำเสนอ พวกเขาจึงร่วมกันคิดแผนหลบซ่อนออกมา

Arthdal Chronicles (2019)
หลังจากห่างหายไป 2 ปี ซงจุงกิก็กลับมาอีกทีในผลงานซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่ต้องใช้ความถนัดในการแสดงอย่างยิ่ง กับการเล่นบทเป็นตัวละครแฝด อึนซอม และ ซายะ ที่มีชีวิตแตกต่างกันคนละขั้ว กับเรื่องราวแฟนตาซีเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ที่แก่งแย่งและแสวงหาอำนาจในดินแดนโบราณ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่สนใจเพราะเล่าถึงยุคสมัยก่อนการเป็นประเทศเกาหลี ทั้งยังไม่เคยมีพล็อตที่พูดถึงยุคเริ่มต้นแบบนี้มาก่อนในซีรีส์เกาหลีเรื่องไหน ๆ สำหรับแฟนคลับซงจุงกิก็จะได้สนุกสนานไปกับเรื่องราวของ อึนซอม รวมทั้ง ทันยา (คิมจีวอน) ที่มาจากเผ่าเดียวกัน ก่อนที่จะดราม่าเข้มข้นเมื่อพวกเขาต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แล้วก็แน่นอนว่าเรื่องนี้เราจะยังได้เห็นกล้ามเท่ๆของซงจุงกิกันอย่างจุใจ

กับเรื่องราวแฟนตาซีย้อนยุคในดินแดนแห่งตำนานซึ่งมีชื่อว่า อาธ เหล่าผู้อาศัยในอาธดัล เมืองโบราณแล้วก็ดินแดนโดยรอบ ต่างหาทางแก่งแย่งอำนาจกันขณะพยายามสร้างสังคมรูปแบบใหม่ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการผสมผสานทั้งยังเรื่องราวความรัก ความขัดแย้ง รวมทั้งการปรองดองของวีรบุรุษในตำนาน ถ้าเกิดนับกับอันที่จริงแล้วนับว่าเป็นการนำเสนอถึงจุดเริ่มต้นของมนุษยชาติและก็การเริ่มตั้งประเทศของเกาหลีก็ว่าได้

Space Sweepers (2021)
ซงจุงกิกลับมาอีกทีในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Space Sweepers ในเรื่องนี้เขารับบทเป็น คิมแทโฮ นักบินอวกาศสุดอัจฉริยะที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน เรื่องราวของโลกในปี 2092 เมื่อคิมแทโฮ รวมทั้งเพื่อน ๆ บนยานอวกาศ Victory ต้องวิ่งตามตามเก็บขยะอวกาศเพื่อหารายได้ พวกเขาบังเอิญเจอหุ่นยนต์ตัวร้ายแล้วก็คิดจะขายมันให้ได้เงินมหาศาลโดยไม่รู้เรื่องว่านี่คือความอันตรายอย่างที่สุด นับว่าเป็นหนังแนวไซไฟจากเกาหลีที่เว้นเสียแต่ความน่าสนใจของเรื่องราวแล้วยังเต็มไปด้วยซีจีน่าทึ่ง และยังเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบแดงของซงจุงกิอีกด้วย

Vincenzo (2021)
ซีรีส์ที่ต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของซงจุงกิในรอบ 2 ปี โดยครั้งนี้เขาจะสวมบทเป็น วินเซนโซ่ กาซาโน สมาชิกในแก๊งมาเฟียอิตาลี เขากลับมาประเทศเกาหลีเพื่อหาสมบัติที่แก๊งมาเฟียแอบซ่อนไว้ จนถึงได้บังเอิญเจอกับ ฮงชายอง ซึ่งเป็นทนายเช่นกัน แล้วก็ได้ร่วมมือกันเพื่อถามหาความยุติธรรมจากสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่สนใจว่าจะได้มันมาด้วยแนวทางไหน สำหรับการรับบทนำคราวนี้ ซงจุงกิแสดงให้เห็นว่าเขาชอบทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมา ทั้งยังเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ซ้ำกับที่เขาเคยแสดงมาก่อนหน้านี้ สำหรับซีรีส์ Vincenzo ไม่ว่าจะสวมชุดอะไรซงจุงกิก็ดูดีไปหมด ยิ่งชุดสูทด้วยแล้วยิ่งดูดีสุด ๆ

Reborn Rich (2022)
หลังจากกอบโกยเรตติ้งเป็นกอบเป็นกำใน Vincenzo ซงจุงกิ ก็กลับมาอีกครั้งในซีรีส์แนวแฟนตาซี-ดราม่า ที่อ้างอิงมาจากนิยายออนไลน์ยอดฮิตชื่อเดียวกัน กับบทบาท นายน้อยจินโดจุน ที่กลับชาติมาเกิดเพื่อเอาคืน โดย Reborn Rich บอกเล่าเรื่องราวของ ยุนฮยอนอู ทำงานให้กับตระกูลมหาเศรษฐีมาเป็นเวลานานมากกว่า 10 ปี เขาทำหน้าที่รอรับใช้ทุกอย่างให้กับพวกเขา ไม่ได้มีความแตกต่างจากขี้ข้าคนหนึ่ง แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับถูกใส่ร้ายป้ายสีรวมทั้งถูกฆ่าโดยลูกคนเล็กของตระกูล ต่อมาฮยอนอูกลับพบว่าตนเองกลับมาอยู่ในร่างของคนที่ฆ่าเขาเองอย่าง จินโดจุน รวมทั้งย้อนกลับมาอยู่ในยุค 80 เขาตัดสินใจที่จะแก้แค้นตระกูลนี้ให้สาสม และก็แน่นอนว่าตอนจบของซีรีส์เรื่องนี้ก็สามารถโกยเรตติ้งจนกระทั่งขึ้นเป็นอันดับ 2 ของซีรีส์ช่องเคเบิลเรตติ้งสูงสุดตลอดกาล โดยเป็นรองแค่เพียงเรื่อง The World of the Married เท่านั้นอง

มั่นใจว่าใครที่เป็นแฟน ๆ ของหนุ่ม ซง จุงกิ อาจจะผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับใครที่พึ่งจะโดนตกมาหมาด ๆ เราขอแนะนำว่าตามเก็บกันให้ครบ
เพราะนอกจากซีรีส์ที่พวกเราหยิบมาฝากในวันนี้ จุงกิยังมีผลงานเรื่องอื่น ๆ ให้ติดตามกันอีกเยอะ เรียกได้ว่าดูกันไปยาว ๆ

พัคโบกอม
13 Jan, 2023

หล่อสร้างเรื่อง! ภาพนี้ของพัคโบกอม ทำสาว ๆ อีกทั้งเอเชียต่างพูดถึงเป็นเสียงเดียวกัน

เป็นพระเอกซุปตาร์ที่มีเเฟนคลับทั่วทั้งโลกเลยค่ะ สำหรับ พัคโบกอม เเน่นอนว่าความปังเเละความดังของเขานั้นไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็มีเเต่เเฟนคลับรอซัพพอร์ต อยู่ทุกเรื่อง อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ ( 12 มกราคม 2023 ) ในช่วงบ่ายของวัน พัคโบกอม

ได้ปรากฎตัวที่งานรอบรอบปฐมฤกษ์วีไอพีของภาพยนตร์ เรื่อง “Phantom” (ผู้กำกับอีแฮยอง) ซึ่งจัดขึ้นที่ CGV Yongsan I’Park Mall ในกรุงโซล

ดาราพัคโบกอม

พัคโบกอมเฉิดฉันด้วยลุคหล่ออีกทั้งผมอีกทั้งหน้าเเละทั้งยังชุด

ทำหลายคนที่เห็นภาพนี้อดชื่นชมไม่ได้

พัคโบกอมอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนนักแสดงพัคโซดัม ซึ่งเขาร่วมงานด้วยในละครเรื่อง “Record of Youth”
ซึ่งเป็นการเผยตัวบนจอแก้วครั้งสุดท้ายก่อนเข้ากรม พัคโบกอมดึงดูดสายตาด้วยการสวมชุดลำลองและก็แสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ในขณะที่มิตรภาพระหว่างนักแสดงทั้งสองก็ดึงดูดความสนใจด้วยเหมือนกัน

นักแสดงเกาหลี

ประวัติ พัคโบกอม พระเอกหน้าหวานดินแดนกิมจิ พร้อมผลงาน

พัคโบกอม Park Bo Gum ดาราชายหน้าหวานในวงการ ซีรีส์เกาหลี ดาราเกาหลี ดีกรีเป็นอีกทั้งนักแสดงและก็นักร้องชาวเกาหลีใต้
เปิดตัวคราวแรกในการแสดงภาพยนตร์ปี 2011 ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ๆ จากการแสดงละครโทรทัศน์หลากหลายบทบาท อาทิเช่น Cantabile Tomorrow ปี 2014, Hello Monster ปี 2015, Reply 1988 ปี 2015, Moonlight Drawn by Clouds ปี 2016, Encounter ปี 2019 รวมทั้ง Itaewon Class ปี 2020 และตัดสินใจเข้ากรมทหารไปทำหน้าที่ของลูกผู้ชายเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ เป็นเวลาแทบ 2 ปีหลังจากนี้ ออกมาพวกเราอาจจะได้เห็นผลงานของ โบกอม อีกมากมาย
มาทำความรู้จักพระเอกหนุ่มหน้าหวานเปิด ประวัติ พัคโบกอม พร้อมผลงาน และก็รางวัลที่ได้รับ

ประวัติ Park Bo Gum

พัคโบกอม หรือ พัก โบ กอม นักแสดงชายหนุ่มรูปหล่อชาวเกาหลีใต้
เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน คริสต์ศักราช 1993 ส่วนสูง 182 เซนติเมตร โดยครอบครัว มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โบกอม เป็นน้องคนสุดท้อง มีผลงานการแสดงครั้งแรกในภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2011

ชี่อของเขา “Bo-gum” ที่มีความหมายว่า ดาบล้ำค่า แม่เสียชีวิตเมื่อเขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ เขาเริ่มเรียนรู้เปียโนเมื่อเขาอยู่ในโรงเรียนอนุบาล เป็นนักเปียโนและก็เป็นสมาชิกคณะนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ เขายังอยู่ในทีมว่ายน้ำตัวแทนของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โซลม็อกดง และก็ได้ศึกษาต่อที่ Myoongji University ปริญญาตรีสาขาโรงละครดนตรี Myongji University’s Film and Musical Studies Department

ผลงานการแสดง พัคโบกอม

เดบิวต์ในฐานะนักแสดงภายใต้สังกัด Sidus HQ โดยมีบทบาทในภาพยนตร์ระทึกขวัญ

เรื่อง Blind (2011) หลังจากนั้น

เขาก็เข้าร่วมสังกัด Blossom Entertainment และก็

แสดงในภาพยนตร์แอคชั่นคอมเมดี้เรื่อง Runway Cop (2012)

รวมทั้งละครเรื่อง Bridal Mask (2012) ในปี 2013 เขามีบทบาทสำคัญทีแรกในละครสุดสัปดาห์เรื่อง Wonderful Mama ที่สวมบทบาทเป็นลูกชายเพลย์บอย ปี 2557–2558 ความนิยมชมชอบและก็ความก้าวหน้าในวงการบันเทิงของเขามีมากขึ้น เขาได้รับช่องทางแสดงในซีรีส์มากมายแล้วก็ทำให้เขาได้รับรางวัลจากการแสดงนั้น

ซีรีส์ ละคร โทรทัศน์

ปี 2012
Neighborhood Hero รับบท Kang Dong-woo ช่อง OCN
Bridal Mask หน้ากากปีศาจ รับบท Min-kyu (ตอนที่ 26–28)ช่อง KBS2

ปี 2013
Wonderful Mama รับบท Go Young-joon ช่อง SBS

ปี 2014
Wonderful Days มหัศจรรย์แห่งรัก รับบท วัยหนุ่มของคัง Dong-seok ช่อง KBS2
Naeil’s Cantabile จังหวะรัก หัวใจดนตรี รับบท Lee Yoon-hoo ช่อง KBS2

ปี 2015
The Producers โปรดิวเซอร์หน้าใส หัวใจกุ๊กกิ๊ก ตอนที่ 9 ช่อง KBS2
Hello Monster เฮลโลมอนสเตอร์ รับบท Jung Sun-ho/Lee Min ช่อง KBS2
Reply เรื่อง วันวาน 1988 รับบท Choi Taek ช่อง tvN

ปี 2016
Love in the Moonlight รักเราพระจันทร์เป็นใจ รับบท Lee Yeong ช่อง KBS2

ปี 2018-2019
Encounter รับบท Kim Jin-hyuk ช่อง tvN

ปี 2020
Itaewon Class รับบท New cook at Soo-ah’s restaurant (รับเชิญ Ep. 16) ช่อง tvN

ภาพยนตร์
Blind รับบท Min Dong-hyun
Runway Cop รับบท young Cha Chul-soo
A Hard Day รับบท Officer Lee Jin-ho
The Admiral: Roaring Currents รับบท Bae Soo-bong
Twinkle-Twinkle Pitter-Patter รับบท Jun-woo Short film
Coin Locker Girl รับบท Park Seok-hyun
Seo Bok รับบท Seo Bok

รางวัลที่ได้รับ พัคโบกอม

ปี 2015
14th KBS Entertainment Awards สาขา Best Newcomer Award จาก Music
KBS Drama Awards สาขา Popularity Award, Actor จาก Hello Monster
KBS Drama Awards สาขา Best Supporting Actor จาก Hello Monster

ปี 2016
11th Max Movie Awards สาขา Rising Star Award จาก Coin Locker Girl
8th Style Icon Asia สาขา Style Icon
16th Top Chinese Music Awards สาขา Best International Artist
4th Annual DramaFever Awards สาขา Best Rising Star จาก Reply 1988
4th Annual DramaFever Awards สาขา Best Kiss (with Lee Hye-ri) จาก Reply 1988
5th APAN Star Awards สาขา Best New Actor จาก Reply 1988
tvN10 Awards Asia สาขา Star Award จาก Reply 1988
1st Asia Artist Awards สาขา Asia Star Award, Actor
1st Asia Artist Awards สาขา Best Star Award, Actor จาก Reply 1988, Love in the Moonlight
Melodi Awards สาขา Most Influential Korean Drama Personality
OSEN Awards สาขา Star of the Year
SBS Cult Two Show Awards สาขา Most Mentioned
30th KBS Drama Awards สาขา Top Excellence, Actor จาก Love in the Moonlight,สาขา Netizen Award จาก Love in the Moonlight,สาขา Best Couple (with Kim Yoo-jung) จาก Love in the Moonlight
2nd Fashionista Awards สาขา Best Dresser of the Year

ปี 2017
Korea Brand Awards สาขา Special Award
16th Korea Assembly Grand Award สาขา Acting Award
53rd Baeksang Arts Awards สาขา Most Popular Actor, Television จาก Love in the Moonlight
12th Seoul International Drama Awards สาขา Outstanding Korean Actor จาก Love in the Moonlight
8th Korean Popular Culture and Arts Awards สาขา Minister of Culture, Sports and Tourism Commendation
3rd Fashionista Awards สาขา Best Fashionista (Red Carpet Category)
7th Korea Tourism Awards สาขา Special Achievement Award

ครอบครัวLISA
11 Jan, 2023

อบอุ่นสุด ๆ เผยภาพครอบครัวให้กำลังใจ “ลิซ่า BLACKPINK” หลังเวทีคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย

คุณแม่จิตทิพย์ แม่ของ “ลิซ่า BLACKPINK” โพสต์ภาพครอบครัวไปให้กำลังใจไอดอลสาวหลังเวทีสุดอบอุ่น แฟน ๆ และก็คนในวงการแห่คอมเม้นต์สนั่น

พ้นไปอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับ “BLACKPINK BORN PINK WORLD TOUR Bangkok” ที่สนามกีฬาแห่งชาติ (ศุภชลาศัย)
คอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ของ 4 สาวเกิร์ลกรุ๊ประดับโลก “BLACKPINK” โดย 4 สมาชิก นำโดย ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล , จีซู , เจนนี่ และ โรเซ่
ได้เปิดการแสดงถึง 2 รอบ ท่ามกลาง “บลิ๊งค์” (ชื่อเรียกแฟนคลับ) ที่เดินทางมาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม

ครอบครัวลิซ่า BLACKPINK

ซึ่งอีกหนึ่งแรงใจสำคัญของสาว ลิซ่า BLACKPINK ต้องยกให้ครอบครัว

และปัจจุบัน คุณแม่จิตทิพย์ บรอยช์ไวเลอร์
คุณแม่ของลิซ่า ก็ได้โพสต์ภาพครอบครัวแสนอบอุ่นที่แฟนคลับรอคอยลงในไอจีส่วนตัว โดยเป็นภาพที่คุณแม่และคุณพ่อ มาร์โค บรูชไวเลอร์ ไปให้กำลังใจลูกสาวหลังเวที

อีกทั้งยังพาคุณยายสุดที่รักของ LISA ไปให้กำลังใจหลานสาวคนเก่งด้วย งานนี้ ลิซ่า ไม่พลาดถ่ายรูปคู่คุณยายอย่างอบอุ่น

นอกจากนี้ คุณแม่ของLISA ยังเขียนแคปชั่นว่า “ขอบคุณมากครับ” โดยมีเหล่าคนคนบันเทิงและแฟนคลับเข้าไปชื่นชอบกันเป็นจำนวนมาก

ครอบครัวLISA

 

อย่างไรดีแล้ว ก่อนหน้าที่ผ่านมา คุณแม่ก็ได้โพสต์ภาพบรรยากาศคอนเสิร์ตดังกล่าว
พร้อมเปิดเผยถึงแฟน ๆ ของ “BLACKPINK” อย่างอบอุ่นว่า “ขอบคุณ Blink ทุกๆคนที่เป็นที่รักของสาวๆBLACKPINK มากๆนะคะ รัก BLACKPINK รวมทั้งอยู่กับ BLACKPINK ไปนานๆนะคะ

มิว นิษฐา

แม่มิว นิษฐา แจงเหตุผลที่ลูกสาวถ่ายภาพกับ ลิซ่า BLACKPINK หลังโพสต์ภาพคู่

จบลงไปท่ามกลางความฟินของแฟน ๆ สำหรับคอนเสิร์ต “BLACKPINK WORLD TOUR BORN PINK BANGKOK” ของ 4 สาววง BLACKPINK ที่สนามศุภชลาศัย ปทุมวัน
เมื่อ 7-8 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งในคอนเสิร์ตคราวนี้มีนักแสดงดาราไทยไปร่วมชมเป็นจำนวนมาก

หนึ่งในนั้นคือนางเอกสาวหน้าใส มิว นิษฐา จิรยั่งยืน ที่นอกเหนือจากการที่จะได้ไปชมการแสดงดนตรีแล้ว ยังได้ได้โอกาสเข้าไปมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจนักร้องสาวLISA ลลิษา มโนบาล หรือ LISA BLACKPINK ซึ่งมิวก็ได้โพสต์ภาพบรรยากาศ รวมทั้งภาพ น้องมาริน ลูกสาว พร้อมทั้งเขียนเนื้อความว่า “Blink ตัวน้อยที่บ้านก็อยากไปดูด้วย @marin_kuha”

แต่ก็มีคนไม่ใช่น้อยสงสัยว่าเพราะเหตุไรมิวถึงได้เข้าไปถ่ายภาพคู่และก็มอบดอกไม้ให้กำลังใจLISAซึ่งงานนี้ คุณแม่ปู อังคณา จิรยั่งยืน คุณแม่ของสาวมิว ก็ได้คอมเมนต์อธิบายใต้ภาพดังกล่าวแทนลูกสาวไว้ว่า
“น้องลิซ่าชวนพี่มิวไปดูคอนเสิร์ตค่ะ รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่มิวมีซื้อตั๋วไว้แล้วเลยเอาดอกไม้ไปให้กำลังใจน้อง” เรียกว่าจัดการชัดเจนแบบม้วนเดียวจบจ้า

สวยแพงไม่ธรรมดา ส่องลุคออกอีเวนต์ “ลิซ่า” ไม่ต่ำกว่า 4 ล้าน!

ทำเอาชาวบลิ๊งค์ใจละลาย หลังจาก “LISA Blackpink” หรือ “ลลิษา มโนบาล” หยอดว่าขอแก่ไปด้วยกัน รวมทั้งดีใจมากที่ได้กลับเมืองไทย
ซึ่งหากย้อนไปดูวันออกวีเวนต์ DENTISTE Presents Confident Smile with Lisa ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ เมื่อวานนี้ นอกเหนือจากแจกรอยยิ้มละลายใจแฟน ๆ แล้ว ชุดที่เจ้าตัวใส่ แม้ว่าจะดูเรียบหรู แต่แพงไม่เบา

ลิซ่า BLACKPINK

 

 

โดยชุดสีครีม มาจากแบรนด์ CANITT ราคาประมาณ 21,000 บาท รองเท้าจากแบรนด์ AMINA MUADDI 995$ และก็เครื่องเพชรพลอยสุดหรูหราจากแบรนด์ BVLGARI 121,400 $ รวม ๆ แล้วตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าลุคนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท เรียกได้ว่าสวยแพงสมเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก

รีวิวภาพยนตร์
9 Jan, 2023

รีวิวภาพยนตร์ Men of Plastic (2022) ตามสองหนุ่มอัพกูจองไปส่องศัลยกรรมพลาสติกอันลือลั่น

ภาพยนตร์ เรื่องแต่งที่สมจริง เล่าอิงคอมเมดี้แต่แอบแฝงซีเรียส

ว่าด้วยธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามอันเลื่องชื่อของประเทศเกาหลี

กับเรื่องราวของสองหนุ่มผู้หิวเงินกระหายความสำเร็จ โดย ‘มาดงซอก’ แล้วก็ ‘จองคยองโฮ‘

ภาพยนตร์ Men of Plastic

Men of Plastic เป็น ภาพยนตร์ คอมเมดี้

บนท้องเรื่องของธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามแห่งบริเวณอัพกูจอง เขตคังนัม ที่มีชื่อที่สุดของประเทศ
โดยมีตัวชูโรงของเรื่องเป็น ‘มาดงซอก‘ ที่พึ่งจะสร้างปรากฏการณ์หนังทำเงินสูงสุดไปเมื่อต้นปีจากเรื่อง The Roundup

ว่ากันแล้ว ผลตอบรับของ Men of Plastic นั้นบางทีอาจไม่ปังมากนักในประเทศเกาหลี คาดว่าคงจะเป็นเนื่องจากว่าหัวข้อเรื่องราวธุรกิจที่นำมาเล่า เป็นสิ่งที่รู้ ๆ กันมานานนมอยู่ในชีวิตคนประเทศเกาหลี ด้วยเรื่องความสวยความงามนั้นเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ เรียกได้ว่าสิ่งนี้เกือบจะกลายเป็นของขวัญพื้นฐาน
ที่เมื่อสำเร็จการศึกษาที่พ่อแม่ต้องมอบให้ลูก เพื่อฯลฯทุนเสริมความเชื่อมั่นและมั่นใจในการก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน

นอกจากนี้ตัวหนังก็บางทีอาจขาดหลักสำคัญกินใจ กับมุกตลกขบขันที่ไม่กระโดดแหวกจนถึงโดนใจ ไม่เหมือนกับหนังคอมเมดี้ที่ประสบความสำเร็จในตอนที่ผ่านมาอย่าง Extreme Job (2019) หรือ 6/45 (2022) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าหนังตลกนี่เป็นงานยากสุดละ
เพราะว่าขำของเราบางทีอาจไม่ขำของคนอื่น ๆ ขำยังไงให้สากล เข้าถึงได้แม้จะต่างบริบทต่างวัฒนธรรมกัน

แต่แต่สำหรับผู้ชมนอกเกาหลี ผู้เขียนมองเห็นมุมที่น่าสนใจไม่น้อย อันดับแรกเลยคือ การเจาะลึกธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม ซึ่งเป็นประเด็นที่คนไทยเดี๋ยวนี้ติดตามและก็ให้ความสนใจค่อนข้างมาก

Men of Plastic 2022

หนังเริ่มต้นเรื่องที่ปี 2007 ในยุคต้น ๆ ที่เพิ่งคิดใช้มีดหมอมาเนรมิตความงาม

ต้องบอกก่อนว่ารายละเอียดของหนังเป็นเรื่องแต่งขึ้น แต่มั่นใจว่าอิงข้อเท็จจริงมาด้วยแหละ ก็เลยเหมือนสะท้อนปัญหาหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น แพทย์เก่ง ๆ ถูกใช้ให้เป็นเพียงแค่หมอเงา หรือก็คือรับจ๊อบลงมือผ่าแทนด้วยค่าตอบแทนถูก ๆ โดยผู้เจ็บป่วยไม่ทราบรวมทั้งถูกเรียกเก็บเงินแพง ๆ ส่วนเจ้าของเงินทุนที่กล้าลุยกับธุรกิจใหม่ก็มักเป็นผู้มีเบื้องหลังการหาเงินที่ไม่สะอาดนัก ถึงกล้าพร้อมเสี่ยงได้ แล้วก็เมื่อลงทุนและก็ย่อมมีอุบายในการกอบโกยเงิน ตัวอย่างเช่น การใช้เวชภัณฑ์เถื่อนเพื่อลดเงินลงทุนโดยไม่สนใจเรื่องจริยธรรม หรือการเน้นปั่นยอดขายสูง ๆ
โดยไม่ได้เอาความต้องการที่โดยความเป็นจริงของลูกค้าเป็นตัวตั้ง ขาดจรรยาบรรณความเป็นมีออาชีพที่ควรปฏิบัติ สมกับชื่อไทยของหนังที่ว่า ‘อัพกูจอง หลอกมาอัพ จัดมาลวง’

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ พัคจีอู (สวมบทโดย จองคยองโฮ) แพทย์ศัลยกรรมฝีมือยอดเยี่ยมแต่ดันเจอปัญหาหุ้นส่วนธุรกิจหักหลัง ต้องแบกรับความผิดแทน ทำให้ถูกระงับใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ไป 2 ปี แถมยังพ่วงหนี้สินก้อนโตติดตัวมาด้วย แต่การอวดดีในศักดิ์ศรีแล้วก็เลือกงาน ทำให้เขายังหาที่ลงตัวไม่ได้สักที ในขณะที่เจ้าหนี้อันธพาลก็คอยตามติดทวงหนี้ให้อารมณ์เสียใจ

เขาได้บังเอิญเจอกับ คังแทกุก (รับบทบาทโดย มาดงซอก) คนพื้นเพอัพกูจองที่ไม่เคยรู้ที่มาจนดูราวกับขาดความน่าไว้วางใจ แทกุกเอาแต่ป้วนเปี้ยนไปทั่วอัพกูจอง ด้วยร่างล่ำบึ้กในเสื้อผ้าลำลองชิล ๆ สีจัดจ้านสะดุดตา (สื่อความอิสระนอกกรอบ) วางมาดคุยโม้น้ำไหลไฟดับในเรื่องเส้นสายและสกิลการเป็นตัวกลางเชื่อมธุรกิจให้เกิด เรียกว่าจับความต้องการของ A แล้วก็ B มาจิ๊กซอว์กันด้วยมือเปล่า

ไป ๆ มา ๆ คังแทกุก ก็สามารถใช้วาทศิลป์ร่วมกับกลเม็ดในการแก้ปัญหา เกลี้ยกล่อมให้ พัคจีอู วางใจร่วมทำธุรกิจกับเขาในฐานะหุ้นส่วน โดยมีนายทุนเป็นนักธุรกิจใหญ่คนจีนซึ่งบริหารงานผ่านอดีตนักเลงดังในพื้นที่ จีอูและแทกุกจึงราวกับจิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้ลงตัวพอดีกับนายทุนเช่นเดียวกัน

ภาพยนตร์

สิ่งที่พวกเราจะได้เห็นตามมาก็คือ

ความไอเดียสุดเลิศล้ำของแทกุก ‘เล็ก ๆ ไม่..ใหญ่ๆต้องแทกุกเท่านั้น’ เป็นที่มาของ ศูนย์ศัลยกรรมความงามครบวงจรในอาคาร 15 ชั้นที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ความตลกร้ายของการบิดตำราการตลาดให้ Weird
ปนฮา ไม่ว่าจะเป็นการปรับสกิลพนักงาน, การเจาะลูกค้านักท่องเที่ยวจีน, แพ็กเกจเหมา ๆ สุดคุ้มยกเครื่องหมดทั้งตัว, การโปรโมตสร้างแบรนด์ผ่านสื่อแมส ชวนเชื่อด้วยเทคนิค Before VS After บลา..บลา…บลา… แน่นอนว่าทุ่มครบ 4P/7P ขนาดนี้ ธุรกิจก็เลยรุ่งเรืองสุดๆจนกระทั่งทั้งสองแฮปปี้ ปัดกวาดเงินแล้วก็โกยเกียรติศักดิ์สมใจแบบสุด ๆ

ภาพยนตร์ เดินเรื่องในจังหวะว่องมาก

แว๊บเดียวก็เข้าสู่องก์ที่สาม ข้อบกพร่องของธุรกิจที่เกิดจากความโลภละโมบ ความเสี่ยงเกินตัว และก็ความทุจริตในวิชาชีพ ที่สุมรวมกันเอาไว้ ในที่สุดก็ได้เวลาย้อนกลับมาทำร้ายตัวตั้งต้น ยิ่งอยู่ท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแรดในวงการ ก็เลยยิ่งคลอนแคลนอีกทั้งธุรกิจรวมทั้งมิตรภาพรหว่าง แทกุก กับ จีอู อย่างเกินคาด

ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่สมน้ำสมเนื้อกับการหากินบนความงาม ‘พลาสติก’ ที่เล่นกับความเลียนแบบและก็ความลวง โดยเฉพาะด้านตัวผู้สร้างซึ่งไม่มีจรรยาบรรณ จนย้อนกลับมาทำให้ทั้งแทกุกและจีอูต้องเผชิญเรื่องลวงหลอกกลับด้วยเหมือนกัน วิกฤตนี้จะสาหัสขนาดไหน แล้วก็พวกเขาจะได้สติฝ่าฟันรอดมาได้หรือเปล่าอย่างไร ต้องติดตามกันดู

ก็เหมือนจะพอสรุปได้ว่า ในแง่การสร้างธุรกิจให้เกิด ถ้าหากมีไอเดียก็ต้องมีทุน มีคนเก่งก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพด้วย มีหุ้นส่วนดีคือมีชัยไปครึ่งหนึ่งละ และถ้าเกิดดูจบแบบอินตามในความสมจริง ก็เชิญให้ตั้งคำถามขำ ๆ ว่า ‘ถ้าไม่ได้สองคู่หูที่บุกเบิกบ้าบิ่นนี้ ย่านอัพกูจองของเกาหลีจะพัฒนากลายเป็นขุมทองของ K-Beauty ที่โด่งดังน่าเชื่อถือไป
ทั้งโลกอย่างเช่นทุกวันนี้ได้หรือไม่?’
นี่คือตลกร้ายที่เชื้อเชิญขำที่สุดของเรื่องแล้ว เนื่องจากว่าส่วนตัวผู้เขียนว่ามุกตลกโปกฮาในเรื่องมันออกจะฝืด ๆ จืด ๆ ไปหน่อยนะ

สำหรับนักแสดง นอกจากสองนักแสดงหลักอย่าง มาดงซอก รวมทั้ง จองคยองโฮ แล้ว ก็ยังเสริมทีมสมทบและก็รับเชิญด้วย ทั้งยัง โอนารา, โอยอนซอ (สองโอนี้สวยกริ๊บมากทั้งคู่ จนกระทั่งต้องการได้เบ้าไปผ่าตัดตามมั่ง ^^) ชเวบยองโม, กิลแฮยอน, ฮันโบรึม, จินซอนกยู รวมทั้ง จองจีโซ

นักแสดง
21 Dec, 2022

นักแสดง ที่แจ้งเกิดจากเว็บดราม่าเกาหลีสู่ดาวรุ่งของวงการบันเทิง

นักแสดง ที่มีชื่อเสียงคนจำนวนไม่น้อย ในปัจจุบันมีเรื่องราวที่น่าสนใจ
ของการ ก้าวขึ้นสู่การ โด่งดัง และเป็นดาวรุ่ง ของ วงการบันเทิง
โดยจุดกำเนิดของ ความสำเร็จพวกนั้น ได้มาจากเว็บดราม่า ยอดนิยม ที่นำนักแสดงคนโปรด ของเรามา เผยแพร่ บน Youtube
รวมทั้งแพลตฟอร์ม สตรีมมิ่ง ต่าง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกของการก้าวขึ้นสู่การเป็นนักแสดงที่โด่งดังของวงการเลยก็ว่าได้
รวมไปถึงนักแสดงชั้นหนึ่งทั้ง 5 คนนี้ที่ผ่านการแสดงบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรวมทั้งได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม
มาจากเว็บดราม่าเกาหลีสิ่งเดียวกัน

เว็บดราม่าเกาหลี เป็นซีรีส์ขนาดสั้นที่มีระยะออกอากาศต่อตอนอยู่ระหว่าง 10-30 นาที
เป็นซีรีส์ที่ไม่ได้ฉายทางโทรทัศน์ทั่วไป แต่จะอัปโหลดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ทางอินเทอร์เน็ต
ซึ่งจะมีลักษณะการดำเนินเรื่องที่กระชับ ฉับไว กระบวนการโปรดักชันสั้น และก็มีต้นทุนการผลิตน้อยกว่าที่ออกอากาศทางโทรทัศน์

วันนี้ทีมข่าวเราจะพาเพื่อน ๆ ไปย้อนรอยกับเหล่านักแสดงที่แจ้งเกิดจากผลงานการแสดงในเว็บดราม่า แล้วก็ได้รับความสนใจ
จนกระทั่งปัจจุบันต่างมีชื่อในวงการบันเทิง และก็มีผลงานการแสดงทางโทรทัศน์ให้ได้ดูมากมาย~

จะมี นักแสดง คนโปรดของเพื่อน ๆ คนไหนกันบ้างไปติดตามกันเลย

ชินเยอึน

1. ชินเยอึน
ชินเยอึน ได้ฉายแววจากเว็บดราม่าอย่าง A-TEEN ซีรีส์ที่ชี้แจงเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนนักเรียนมัธยมปลายกับช่วงเวลาที่ต้องเตรียมพร้อมเข้ามหาวิทยาลัย ความฝัน ความรักรวมทั้งมิตรภาพที่เกิดขึ้นในตอนวัยรุ่น ซึ่งหลังจากเผยแพร่ออกมาบนโลกอินเตอร์เน็ตก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม
จนกระทั่งทำเกิดการสร้าง A-TEEN 2 และจากความนิยมชมชอบที่เพิ่มขึ้นของ ชินเยอึน ในบท โดฮานา แล้วยังเป็นตัวเปิดทางให้คุณได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนางเอกในเรื่อง He Is Psychometric รวมทั้ง More Than Friends ทางช่องทีวีอีกด้วย

ฮวังอินยอบ

2. ฮวังอินยอบ
ชายหนุ่มขี้อาย ฮวังอินยอบ เปิดตัวเดบิวต์ครั้งแรกในบทบาท กิแจยอง ในเว็บดราม่าเรื่อง W.H.Y เป็นเรื่องราวความรักของชายหนุ่มสาวที่ล้มเหลว
ถูกหักอกกระทั่งเกิดเป็นทริปของเหล่าเพื่อนสนิท พากันมาย้อมใจ แต่ก็ทำให้พวกเขาเข้าใจความรักมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากซีรีส์เรื่องนี้ฮวังอินยอบได้ตัดสินใจรับบทหลักในเว็บดราม่าเรื่อง Freshman ในบท ซอคโยวอน ชายหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยกับหนุ่มสุดเฉิ่มที่ต้องมาอยู่ในชมรมการแสดงที่ขึ้นชื่อว่าเห่ยที่สุดในมหาวิทยาลัย มองเห็นได้ชัดว่าจากจุดเริ่มแรกการแสดงบนเว็บดราม่าทำให้เขาได้ก้าวเข้ามาเป็นนักแสดงหลักทางหน้าจอโทรทัศน์และก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นในบทบาทการแสดงจากเรื่อง 18 Again, True Beauty รวมทั้ง Why Her?

คิมฮเยยุน

3. นักแสดง คิมฮเยยุน

นักแสดงสาวมากความสามารถอย่าง คิมฮเยยุน ก็เป็นอีกคนที่เคยผ่านการแสดงบนเว็บดราม่ามาแล้วกับซีรีส์เรื่อง Secret Crushes ในปี 2016 ซึ่งเธอได้ร่วมแสดงอีกทั้ง 2 ซีซั่น
โดยซีรีส์เรื่องนี้จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องราวของหนุ่มสาวกับความรักที่ไม่สมหวังและก็บทเรียนในการใช้ชีวิต แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถทำให้คิมฮเยยุนกลายเป็นที่จดจำได้มากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือเป็นใบเบิกทางให้เธอได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนักแสดงในเรื่อง SKY Castle กับบท คังเยซอ เด็กสาววัยมัธยมปลายที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
และไม่เป็นมิตร ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ทำให้คุณได้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นจนได้รับรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม Beaksang Arts Awards ครั้งที่ 55 ไปครอง
แล้วก็ต่อมาเธอก็ได้รับบทบาทนักแสดงนำในเรื่อง Extraordinary You, Secret Royal Inspector & Joy แล้วก็ Snowdrop อีกด้วย

นักแสดง แบฮยอนซอง

4. แบฮยอนซอง
มาถึงคิวหนุ่มหน้าหวาน แบฮยอนซอง ก็ได้ผ่านผลงานจากการร่วมแสดงในเว็บดราม่ายอดนิยมอย่าง Love Playlist โปรเจคจาก Playlist Studio
ที่เล่าเรื่องราวความรักรวมทั้งความเกี่ยวพันของเหล่าวัยรุ่น โดยในเรื่องนี้ แบฮยอนซอง มากับบทบาท พัคฮานึล ในซีซั่น 3 และ 4 กับคาแรกเตอร์หนุ่มที่แอบชอบเพื่อน
โดยการแสดงที่แสนจะอบอุ่นทำให้เขาเป็นที่สังเกตมากยิ่งขึ้น หลังต่อจากนั้นเขาก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การแสดง
จากการร่วมแสดงในเรื่อง Extraordinary You กับบท แบคจุนฮยอน น้องชายของ แบคคยอง (รับบทโดยอีแจอุค) และซีรีส์ภาคต่อโด่งดังอย่าง Hospital Playlist กับบท จางฮงโด นักศึกษาหมอที่เต็มไปด้วยความน่าเอ็นดู และก็ดำรงชีวิตแบบทุกย่างก้าวคือการศึกษา บทบาทถัดมาที่ถือเป็นเรื่องที่เขาได้ปล่อยศักยภาพทางการแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ กับการรับบทนำในเรื่องราวดราม่าและโจทย์ชีวิตของ จองฮยอน จากซีรีส์เรื่อง Our Blues ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมไว้อย่างล้นหลาม

ชเวฮยอนอุค

5. ชเวฮยอนอุค

สำหรับคนสุดท้ายนี้ไม่พูดถึงอาจจะไม่ได้เลยกับนักแสดงดาวรุ่งอย่าง ชเวฮยอนอุค เขาได้เดบิวต์ในฐานะนักแสดงด้วยการชิมลางบทพระเอกในเว็บดราม่าเรื่อง Real:Time:Love
ที่พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับรักวัยรุ่นของเด็กม. ปลาย โดยเขาได้รับบทบาทเป็น มุนเยซาน ชายหนุ่มที่แอบชอบเพื่อนสนิทมายาวนาน
และก็ได้มีโอกาสเป็นแฟนกำมะลอหลังจากฝ่ายหญิงถูกบอกเลิก ซึ่งแม้จะเป็นผลงานเรื่องแรก
แต่เขาก็ทำได้ดีเกินคาดจนถึงมีโอกาสได้เล่นซีรีส์เรื่องนี้ยาวถึง 4 ซีซั่น หลังแล้วเขาก็พัฒนาฝีมือตนเองเรื่อยมา
และได้แสดงในผลงานเว็บดราม่าอีกทีในผลงานเรื่อง Pop Out Boy! ก่อนจะฉีกกรอบชายหนุ่มน่ารักมาเป็นบท พัคซึงแท หัวหน้าเด็กเกรียนที่ถูกใจกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมชั้นจากซีรีส์เรื่อง Taxi Driver ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับการจับตาเป็นอย่างมาก และก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ส่วนผลงานที่เป็นที่เป็นที่พูดถึงรวมทั้งประทับจิตประทับใจผู้ชมเป็นอย่างมากก็คงจะเป็นผลงานในเรื่อง Twenty Five Twenty One กับบทเด็กวัยรุ่นมัธยมปลายที่ใครต่อใครต่างเรียกตอบรับกันว่า เจ้าน่ารักน่าเอ็นดูห้องเจ็ด ด้วยหน้าตาและก็ท่าทางที่ขี้เล่นทำให้ใครคนไม่ใช่น้อยโดนตกกระทั่งต้องไปตามดูผลงานเก่า ๆ ของชเวฮยอนอุคกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามเว็บดราม่าถือเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่แจ้งเกิดของนักแสดงหน้าใหม่ให้ได้โชว์ศักยภาพทางการแสดง
และเป็นใบเบิกทางของการก้าวขึ้นสู่นักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้